วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วัดร่องขุ่น


ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย สร้างขึ้นด้วยแรงปณิธานที่มุ่ง มั่น รังสรรค์ งานศิลปะที่งดงามแปลกตาผสานวัฒนะธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน ทั้งลวดลายปูนปั้นประดับ กระจก และจิตรกรรรมฝาผนัง ขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นของวัดคือ พระอุโบสถถูกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาวเป็น เชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับ ด้วยพญานาคมีงวงงาดูแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถเป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

 ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้น
หนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก


คือคำกล่าวของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง ผู้ออกแบบและก่อสร้างวัดร่องขุ่น อันมีชื่อเสียงโด่งดัง  อ. เฉลิมชัย มีแรงบันดาล ใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ซึ่ง อาจารย์บอกว่าผมจึงตั้งความ ปรารถนาที่จะถวายชีวิต ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์เพื่อ เป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด
 อ. เฉลิมชัยกล่าวว่า

"ผมตั้งความหวังที่จะมอบชีวิตในวัยที่มีค่าที่ดีพร้อมที่สุดของอาชีพจิตรกร ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ฝีมือจินตนาการ ให้แก่โลกไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตผมเริ่มงานก่อนตามตั้งใจไว้ถึง 3 ปี โดยการเริ่มสร้างวัดร่องขุ่น วัดบ้านเกิดของผมเมื่ออายุเพียง 42 ปี ด้วยเงินที่ผมเก็บสะสมไว้กว่า 20 ปี จากการจำหน่ายผลงานศิลปะของผม หวังว่าที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลก มนุษย์ให้ ได้เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลกผมเริ่มสร้างอุโบสถ ก่อนเมื่อปี 2540 บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ ผ่านมาบัดนี้ ปี 2547 เข้าปีที่ 7 ที่ผมอุทิศ ตน ผมขยายวัดเป็น 12 ไร่ จากการซื้อที่ดินเพิ่ม และคุณวันชัย วิชญาชาคร ร่วมบริจาคณ เวลานี้อุโบสถเสร็จไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์คาด ว่า ภายนอกจะเสร็จอีก 5-6 ปีข้างหน้า ส่วนภายในซึ่งเป็นงานตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังจะใช้เวลาอีก 8 ปี จึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในบริเวณวัดจะประกอบไปด้วยอาคารที่มีลักษณะรูปทรงที่ แตกต่างกันทั้งหมด 9 หลัง เพื่อสร้างให้เป็นเมืองสวรรค์อันยิ่งใหญ่อลังการ ผมคงไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตกแต่งลวดลายเสร็จหมดทั้ง 9 หลัง เพราะศิลปะยืนยาวแต่ชีวิตสั้น เพียงผมคาดว่าโครงการของสถาปัตยกรรมทั้งหมดคงจะเสร็จภายใน 3 ปี หาก เมื่อผมตาย คณะลูกศิษย์ที่ผมสอนไว้จะสานต่อจินตนาการของผมจนแล้วเสร็จ ทั้งหมดผมได้เตรียมการบริหาร จัดการหลังความตายไว้พร้อมแล้ว่านที่มาเยี่ยมชมวัดแล้วอย่ากังวลใจ กลัวว่าผมจะสร้างไม่เสร็จเพราะสาเหตุ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และยังจำกัดจำนวนเงินของผู้บริจาคไม่ให้เกิน10000 บาทเงินไม่ใช่ปัญหา ใหญ่สำหรับ ผมมาวันนี้ผมจ่ายไปแล้ว กว่า 30ล้านบาท ผมมั่นใจในตนเอง มั่นใจต่อจิตอันเป็นผู้ให้ ของผม ขอทุกท่าน อย่าได้ เป็นห่วงผมไม่ปรารถนาขอเงินใครไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลองค์กรเอกชนหรือเศรษฐีผู้ร่ำรวยเพระผมไม่อยาก อยู่ใต้ อำนาจ ทางความคิดของใครไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจเหนือจินตนาการของผมผมต้องการอิสรภาพทางความคิด สร้างสรรค์ผมเชื่อว่า เงินจำนวนมาย่อมมาพร้อมอำนาจจองผู้บริจาค ผมสร้างงานพุทธศิลป์ด้วยความศรัทธาจริต ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใดๆ ตอบแทน ไม่ต้องการและไม่ชอบการทำบุญ เอาหน้าวัดนี้ไม่เคยเรี่ยไรเงินด้วยกฐินผ้าป่า วัดนี้ไม่รีบร้อนสร้างเพื่อฉลองในโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น ผมคิดเพียงอย่าง เดียวต้องดีที่สุดสวยที่สุดสร้างจนหมด ภูมิปัญญาทางโลกและทางธรรมของผม ผมสร้างวัดโดยไม่เคยเรี่ยไรเงิน จากใครผมต้องการปัจจัยที่มาจากแรง ศรัทธาอันบริสุทธิ์ใจของชาวพุทธ ที่ปรารถนาจะช่วยกันค้ำจุนพระศาสนา และงานพุทธศิลปของชาติเท่านั้น ผมไม่ การต้องปัจจัยจากผู้ที่หวังผลประโยชน์จากการบริจาค"
อุโบสถวัดร่องขุ่น ที่ อ. เฉลิมชัย ได้สรรค์สร้างขึ้นมาล้วนแต่มีความหมายยิ่ง
โบสถ์
 เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้โบสถ์ เปรียบ เหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า
สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า
กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล 
สะพาน
 หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ
ครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์
วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา
อสูรกลืนกัน16 ตน บนสันของสะพาน หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึง
กึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา
สระน้ำด้านล่าง หมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ
ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชา
ครึ่งวงกลมก่อนขึ้นบันได หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วย
ดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู4บานบานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง ซึ่งหมายถึงความ หลุดพ้น แล้วจึงก้าว ข้ามธร ีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดง ถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อคือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง

แรงบันดาลใจในการสร้าง

มีคนถามถึงแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้ทุ่มตัวทุ่มใจอุทิศตนสร้างวัดร่องขุ่นแห่งนี้ไปจนตาย ผมมีอยู่ 3 สิ่งที่ผมเคารพรักศรัทธายิ่งกว่าชิวิตอันกระจอกงอกง่อยของผมเอง และคนไทยทุกคนควรระลึกถึงทุกลมหายใจเข้าออก
ชาติ ผมเกิดบนแผ่นดินไทยในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่าบ้านร่องขุ่นในจังหวัดเชียงราย เกิดมาไม่มีไฟฟ้าใช้บริการ ด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่นผมถึงออกมาจากแม่ผม เลือดรกผมตกบนแผ่นดินนี้ ผมรักบ้านเมืองประเทศของผม ตั้งแต่เด็กปรารถนาอยากเป็นทหารรับใช้ชาติแต่ดันเรียนไม่เก่ง วาดรูปเก่ง จึงหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะสร้างงานศิลปะให้ยิ่งใหญ่ฝากไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดินที่เกิด
ศาสนา ผมเลวมาก่อนแต่เด็ก ใจร้อน วู่วาม เคยแทงพี่ชาย เกเร เที่ยวซ่อง เจ้าชู้ โตขึ้นติดกาม เจ้าชู้มากหลอกผู้หญิงมาเยอะ เรียนจบมหาลัยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเลวหนักเข้าไปอีก อัตตาสูง ความอยากกามอยากวัตถุสูง อยากเด่น อยากดัง อิจฉาตาร้อน โอ้อวด  ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นเหมือนหวายหนามอันแหลมคมฟาดมาที่ใจผมเมื่อจิตผยศ ธรรมะเหมือนน้ำเย็นดับความเร่าร้อนลึก ๆ ในจิตผม และเป็นน้ำอุ่น ๆ ให้ผมอุ่นจิตเมื่อผมมีอาการหวาดผวาลังเลในสัจธรรม  ผมใช้ธรรมะฆ่ากิเลสในจิตผมกว่า 20 ปี ได้ค้นพบความสุขสงบ สว่างในจิต เกิดสุขกับตัวเอง ครอบครัว บริวาร และเพื่อนร่วมโลกทุกคน วัน ๆ มีแต่รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแห่งสุขภายในดังกึกก้อง แววตาผ่องใส เบิกบานตลอดเวลา  ธรรมะยิ่งใหญ่มากจริง ๆ ธรรมะมีพระคุณแก่ผมอย่างล้นเหลือจริง ๆ เปลี่ยนชีวิตผมให้เข้าใจสรรพสิ่ง เกิดปัญญาเข้าสู่การเข้าใจ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอย่างถ่องแท้ ผมจึงได้ประกาศตนอุทิศชีวิตนี้ให้แก่พระพุทธศาสนา ขอเป็นผู้ค้ำจุนพระศาสนา สืบสานงานพุทธศิลป์ของแผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์ยอมรับของคนทั้งโลกให้ได้
พระมหากษัตริย์ เมื่อผมเรียนรู้ที่คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมเคยได้ยินครูบาอาจารย์ผมพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พระองค์เคยรับสั่งงานศิลปะประจำรัชกาลของเรา ทำไมไม่เห็นมีทุกรัชกาลเขามีงานศิลปะที่แสดงเอกลักษณ์กันทุกรัชกาล วัดวาอารามที่สร้างกันใหม่ ๆ ก็ยังยึดอิทธิพลศิลปะเก่า ๆ อยู่ ผมโตพอที่จะเข้าใจพระราชประสงค์ของพระองค์ท่าน ผมจึงตั้งใจเรียนภาควิชาศิลปะไทย เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะทำถวาย และในที่สุดผมก็ได้ทำตามที่ผมฝัน ด้วยการไปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพุทธปทีป ณ ประเทศอังกฤษ โดยไม่คิดค่าจ้าง ผมต้องการสร้างผลงานจิตรกรรมไทยร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ลอกรัชกาลใด ๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 4 ปี ผมทุ่มเท อดทน ร่วมกับเพื่อน และน้อง ๆ จากคณะจิตรกรรมฯ หลายชีวิต เป็นชีวิตที่ลำบากเลวร้ายที่สุดในชีวิตผม ทุกครั้งที่อ่อนล้า อ่อนแอ ผมนึกถึงพระองค์ท่าน พลังก็จะกลับมาเสริมเพิ่มแรงกายแรงใจอยู่เสมอ
วันหนึ่งพระองค์ท่านมีพระราชประสงค์จะทำหนังสือพระมหาชนก ทรงอยากได้จิตรกรรมเพื่อใช้เป็นภาพประกอบในบทพระราชนิพนธ์ของพระองค์ ทรงรับสั่งถึงผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดไทยในอังกฤษเป็นตัวอย่างของการ สร้างงานจิตรกรรมไทยร่วมสมัยที่ไม่ลอกใคร ผมถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเขียนภาพจิตรกรรมประกอบบทพระราชนิพนธ์ และหลังจากนั้นผมยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ถวายงานอีกหลายครั้ง ผมได้เข้าเฝ้าฯ ถวายงานใกล้ชิดพระองค์ท่าน ทำให้เกิดความรักพระองค์ท่านมากเหลือเกิน ได้พบเห็นพระอัจฉริยภาพทางศิลปะ และพระเมตตาของพระองค์ท่าน ทำให้เกิดตื้นตัน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ท่านมีต่องานศิลปะของชาติ ผมจึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิตใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเองสร้างงาน พุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลท่านให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด

ความหมายของอุโบสถ

"ผมปรารถนาอยากจะสร้างวัดให้เหมือนมีสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์โลกสามารถสัมผัสได้"

·         สีขาว : พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า
·         สะพาน : การเดินข้ามจากวัฎสงสารสู่พุทธภูมิ
·         เขี้ยว หรือ ปากพญามาร : กิเลสในใจ
·         สันของสะพาน : มีอสูรอมกัน ข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส 16
·         กึ่งกลางของสะพาน : เขาพระสุเมรุ
·         ดอกบัวทิพย์ : มี 4 ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
·         นไดทางขึ้น : มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ผมสร้างโบสถ์ในเขตพุทธาวาส เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาวแทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายให้ทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหูหมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตน เองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป 
    บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว หมายถึง อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา
    ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลม หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้น แทนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงขึ้นไปสู่แผ่นดินของอรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอก และบานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิ กายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึง การหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตตรกรรม
ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ผมได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติ 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น) ผมแทนช่อฟ้าเอกเป็นศีล ประกอบด้วยสัตว์ 4 ชนิดผสมกัน แทนดิน น้ำ ลม ไฟ ช้างหมายถึง ดิน นาคหมายถึง น้ำ ปีกหงส์หมายถึง ลม และหน้าอกสิงห์หมายถึง ไฟ ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา บนหลังช่อฟ้าเอกเทินด้วยพระธาตุหมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ และ 84,000 พระธรรมขันธ์
     ช่อฟ้าชั้นที่ 2 (บน) หมายถึง สมาธิ แทนด้วยสัตว์ 2 ชนิด คือ พญานาคกับหงส์ เขี้ยวพญานาคหมายถึง ความชั่วในตัวมนุษย์ หงส์หมายถึง ความดีงาม ศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว(กิเลส) เมื่อใจเราชนะกิเลสได้ก็เกิดสมาธิมีสติกำเนิดรู้เกิดปัญญา ช่อฟ้าชั้นที่ 3 (สูงสุด) หมายถึง ปัญญา แทนด้วยหงส์ปากครุฑหมอบรายนิ่งสงบไม่ปรารถนาใดๆ มุ่งสู่การดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสภายใน
ด้านหลังหางช่อฟ้าชั้นที่ 3 มีลวดลาย 7 ชิ้น หมายถึงโพชฌงค์ 7 ลาย 8 ชิ้นรองรับฉัตร หมายถึงมรรค 8 ฉัตรหมายถึงพระนิพพาน ลวดลายบนเชิงชายด้านข้างของหลังคาชั้นบนสุดแทนด้วยสังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ด้านข้างโบสถ์ คือ ตุง(ธง) กระด้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าตามคติล้านนา ผมคงอธิบายได้คร่าว ๆ แค่นี้ จริง ๆ แล้ว รายละเอียดมีมากกว่านี้เยอะ เพราะผมจะสร้างทั้งหมด 9 หลัง แต่ละหลังมีความหมายเป็นคติธรรมทุกหลัง
   ผมหวังจะสร้างงานพุทธศิลป์ของแผ่นดินให้ยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อให้คนทั้งโลกยอมรับและปรารถนาจะมาชื่นชมให้ได้ จะถวายชีวิตสร้างจนลมหายใจสุดท้าย และได้สร้างลูกศิษย์รอรับช่วงต่ออีก 2 ช่วง หลังผมตายคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้ง 9 หลัง คงใช้เวลาทั้งหมด 60-70 ปี


ที่มา
เอกสารวัดร่องขุน โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
http://pantip.com/topic/30888561
http://www.watrongkhun.org/
http://www.naryak.com/forum/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น